วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

16. ข้อจำกัดในการวิจัย (Limitation)/ขอบเขตของการวิจัย

         http://blog.eduzones.com/jipatar/85921  เป็นการระบุให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขาวิชา หรือกำหนดกลุ่มประชากร สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา
        http://www.gotoknow.org/posts/399983  เนื่องจากการทำวิจัยในแต่ละเรื่องเราไม่สามารถที่จะศึกษาได้ครอบคลุมในทุกประเด็น  การกำหนดขอบเขตของการวิจัย  จะทำให้งานวิจัยมีความชัดเจน  และเป็นไปตามวัตถุประสงค์การวิจัยที่ได้กำหนดเอาไว้  ซึ่งในส่วนของขอบเขตการวิจัยนั้น  จะประกอบด้วย
     1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง  ซึ่งผู้วิจัยต้องระบุว่าประชากรเป็นใคร  ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวนเท่าไร   และกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยวิธีใด
     2.  ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา  ผู้วิจัยต้องระบุตัวแปรอิสระและตัวแปรตามที่ใช้ในการศึกษาทั้งหมด
ในงานวิจัยบางเรื่องอาจจะระบุขอบเขตด้านเนื้อหาเข้าไปด้วย เพื่อให้มองเห็นของเขตในการวิจัยได้มากขึ้น    การเขียนขอบเขตการวิจัยนี้  ผู้วิจัยจะต้องครอบคลุมว่าจะศึกษาตัวแปรอะไรบ้าง  ซึ่งควรสอดคล้องกับกรอบความคิดของการวิจัย ( Research  framework )  ควรมีการระบุเหตุผลที่เรานำเอาตัวแปรเหล่านั้นเข้ามาศึกษา  ในกรอบความคิด  ไม่ควรระบุแต่ชื่อตัวแปรที่ศึกษาว่าคืออะไรเท่านั้น  แต่ต้องขยายความให้เห็นแนวคิดเบื้องหลัง  เพื่อให้ผู้อ่านรายงานการวิจัยเข้าใจวิธีคิดหรือทฤษฎีที่ผู้วิจัยใช้เป็นฐานในการกำหนดกรอบแนวคิด
         http://th.wikipedia.org  การระบุข้อจำกัดของการวิจัยแสดงให้เห็นถึงความไม่สมบูรณ์ของการวิจัย ซึ่งในหัวข้อนี้อาจไม่เขียนลงไปในงานวิจัยก็ได้   หากว่าผู้วิจัยได้มีการออกแบบการวิจัยเป้นอย่างดี  ข้อจำกัดนี้โดยปกติมักพบระหว่างทำการวิจัยหรือทำวิจัยเสร็จสิ้นแล้ว  ผู้วิจัยจึงนำมาเขียนให้คนอ่านได้ทราบว่าข้อจำกัดมีอะไรบ้าง  มีสาเหตุมาจากอะไร  สามารถแก้ไขได้อย่างไร  หากแก้ไขไม่ได้ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวิจัยอย่างไร   โดยปกติในการนำเสนอเค้าโครงการวิจัย ( proposal ) จะไม่ระบุข้อจำกัดในการวิจัย  เพราะยังไม่ทราบแต่ถ้าทราบจะต้องแก้ไข  ไม่ไห้มีข้อจำกัดบางอย่างในทางการวิจัยไม่สามารถรับได้   เช่น กลุ่มตัวอย่าง  ไม่ตั้งใจตอบ  หรือไม่ตั้งใจให้ข้อมูลทำให้ข้อมูลในการวิจัยไม่ค่อยน่าเชื่อถือ  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่างานวิจัยนั้นจะไม่น่าเชื่อถือ  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่างานวิจัยนั้นจะไม่น่าเชื่อถือตลอดทั้งเล่ม โดยปกติในการทำวิจัยมักจะระบุข้อจำกัดในการวิจัยหลายประการ  เช่น  ข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่าย  ข้อจำกัดในการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง  ข้อจำกัดในเรื่องของเวลาที่ใช้ในการวิจัย   ข้อจำกัด ใน เรื่องสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูล   ตลอดทั้งข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย  ซึ่งข้อจำกัดนั้นสามารถแก้ไขได้ก่อนทำการวิจัย
         สรุป
          เนื่องจากการทำวิจัยในแต่ละเรื่องเราไม่สามารถที่จะศึกษาได้ครอบคลุมในทุกประเด็น  การกำหนดขอบเขตของการวิจัย  จะทำให้งานวิจัยมีความชัดเจน  และเป็นไปตามวัตถุประสงค์การวิจัยที่ได้กำหนดเอาไว้ การวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขาวิชา หรือกำหนดกลุ่มประชากร สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา การระบุข้อจำกัดของการวิจัยแสดงให้เห็นถึงความไม่สมบูรณ์ของการวิจัย ซึ่งในหัวข้อนี้อาจไม่เขียนลงไปในงานวิจัยก็ได้   หากว่าผู้วิจัยได้มีการออกแบบการวิจัยเป้นอย่างดี  ข้อจำกัดนี้โดยปกติมักพบระหว่างทำการวิจัยหรือทำวิจัยเสร็จสิ้นแล้ว  ผู้วิจัยจึงนำมาเขียนให้คนอ่านได้ทราบว่าข้อจำกัดมีอะไรบ้าง  มีสาเหตุมาจากอะไร  สามารถแก้ไขได้อย่างไร  หากแก้ไขไม่ได้ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวิจัยอย่างไร
         แหล่งอ้างอิง
         [ออนไลน์ ชื่อเว็บไซต์ : http://blog.eduzones.com/jipatar/85921  เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556.
         [ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ : http://www.gotoknow.org/posts/399983 เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556.
        [ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ : http://th.wikipedia.org  เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น