วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

1. ชื่อ (The Title)

              ธัชพนธ์ โชคสุชาติ ( http://www.bestwitted.com) ผู้วิจัยจะต้องตั้งชื่อโครงการวิจัยให้ตรงประเด็นมากที่สุดและไม่ควรตั้งชื่อโครงการวิจัยซ้ำกับโครงการวิจัยของผู้อื่นที่
มีการทำไปแล้วและควรนำสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา ดังนี้
        1. ตัวแปรที่สำคัญที่ใช้ในการวิจัย
        2. ขอบเขตการศึกษา
       3. ลักษณะที่มาของข้อมูล
       4. สาขาวิขาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
         จำนงค์  (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/115517)ก่อนเขียนชื่อโครงการ เราต้องตั้งคำถามวิจัยให้ชัด  มีคำถามวิจัยหลัก ก็คือเรื่องหลักที่เราอยากรู้ที่สุด เกิดจากความสงสัยของเรา คำถามวิจัยรอง คือส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการตอบคำถามหลักด้วย
ขั้นตอนต่อไป ก็หา คำหลักหรือที่เรียกว่า “key words” ในคำถามวิจัย   ต่อจากนั้น เอา คำหลักมาตั้งเป็นชื่อโครงการหรือหัวข้อโครงการ  ซึ่งชื่อโครงการต้องสื่อให้เห็นภาพของโครงการว่าจะทำอะไร อย่างไร เพื่ออะไร และ ที่สำคัญ ควรตั้งให้ชื่อน่าสนใจ 
          นิภา ศรีไพโรจน์ (http://www.watpon.com/Elearning/res19.htm ) ชื่อเรื่องวิจัยนับเป็นจุดแรกที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน และทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในปัญหารวมทั้งวิธีการดำเนินการวิจัยของผู้วิจัยอีกด้วย ดังนั้นการตั้งชื่อเรื่องวิจัยจึงต้องเขียนให้ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่เขียนอย่างคลุมเครือ ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงต้องระมัดระวังในการตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้เหมาะสม ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
       1. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้สั้น โดยใช้คำที่เฉพาะเจาะจง หรือสื่อความหมายเฉพาะเรื่อง และควรเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย กะทัดรัด แต่ชื่อเรื่องก็ไม่ควรจะสั้นเกินไปจนทำให้ขาดความหมายทางวิชาการ
       2. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้ตรงกับประเด็นของปัญหา เมื่อผู้อ่านอ่านแล้วจะได้ทราบว่าเป็นการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาอะไรได้ทันที อย่างตั้งชื่อเรื่องวิจัยที่ทำให้ผู้อ่านตีความได้หลายทิศทาง และอย่าพยายามทำให้ผู้อ่านเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเกินความเป็นจริง
      3. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยโดยการใช้คำที่บ่งบอกให้ทราบถึงประเภทของการวิจัย ซึ่งจะทำให้ชื่อเรื่องชัดเจน และเข้าใจง่ายขึ้น เช่น
         3.1 การวิจัยเชิงสำรวจ มักใช้คำว่า การสำรวจ หรือการศึกษาในชื่อเรื่องวิจัยหรืออาจระบุตัวแปรเลยก็ได้ เช่น การศึกษาการใช้สารเคมีของชาวอีสาน หรือการสำรวจการใช้สารเคมีของชาวอีสาน หรือการใช้สารเคมีของชาวอีสาน เป็นต้น
         3.2 การวิจัยเชิงศึกษาเปรียบเทียบ การตั้งชื่อเรื่องวิจัยในลักษณะนี้ มักจะใช้คำว่า การศึกษา เปรียบเทียบ หรือการเปรียบเทียบ นำหน้า เช่น การศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านของนักเรียนในเขตและนอกเขตเทศบาล ของจังหวัดมหาสารคาม
         3.3 การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ การวิจัยประเภทนี้จะใช้คำว่า การศึกษาความสัมพันธ์ หรือความสัมพันธ์ นำหน้าชื่อเรื่องวิจัย เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างความขัดแย้งกับพ่อแม่และการปรับตัวของวัยรุ่น เป็นต้น
         3.4 การวิจัยเชิงการศึกษาพัฒนาการ การวิจัยประเภทนี้มักใช้คำว่า การศึกษาพัฒนาการหรือพัฒนาการ นำหน้าชื่อเรื่องวิจัย เช่น การศึกษาพัฒนาการด้านการเขียนของเด็กก่อนวัยเรียนในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม
       3.5 การวิจัยเชิงทดลอง การตั้งชื่อเรื่องวิจัยประเภทนี้อาจตั้งชื่อได้แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการทดลอง เช่น อาจใช้คำว่า การทดลอง การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การศึกษา การเปรียบเทียบ ฯลฯ นำหน้า หรือาจจะไม่ใช้คำเหล่านี้นำหน้าก็ได้ เช่น การทดลองเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในจังหวัดอ่างทอง การวิเคราะห์หาปริมาณของกรดอะมิโนที่จำเป็นในปลายรากข้าวโพดหลังจากแช่ในสารละลายน้ำตาลชนิดต่าง ๆ การสังเคราะห์กรดไขมันจากอะเซติลโคเอ การศึกษาองค์ประกอบต่าง ๆ ในยางมะละกอ การเปรียบเทียบการสอนอ่านโดยวิธีใช้ไม่ใช้การฟังประกอบ การสกัดสารอินดิเคเตอร์จากดอกอัญชัน ฯลฯ
     4. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยในลักษณะของคำนาม ซึ่งจะทำให้เกิดความไพเราะ สละสลวยกว่าการใช้คำกริยานำหน้าชื่อเรื่อง เช่น แทนที่จะใช้คำว่า ศึกษา เปรียบเทียบ สำรวจ ก็ควรใช้คำที่มีลักษณะเป็นคำนามนำหน้า เช่น การศึกษา การเปรียบเทียบ การสำรวจ ฯลฯ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ไม่ดี : ศึกษาวงจรชีวิตของเห็บสุนัข
ดีขึ้น : การศึกษาวงจรชีวิตของเห็บสุนัข
ไม่ดี : เปรียบเทียบความเกรงใจระหว่างนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงของโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองเลย
ดีขึ้น : การเปรียบเทียบความเกรงใจระหว่างนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงของโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองเลย
    5. ควรตั้งชื่อเรื่องวิจัยที่ประกอบด้วยข้อความเรียงที่สละสลวยได้ใจความสมบูรณ์ คือเป็นชื่อเรื่องที่ระบุให้ทราบตั้งแต่จุดมุ่งหมายของการวิจัย ตัวแปร และกลุ่มตัวอย่างที่จะศึกษาวิจัยด้วย เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนการสอบคัดเลือกกับเกรดเฉลี่ยสะสมและเจตคติต่อวิชาชีพครูของนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2544
อนึ่ง นักวิจัยบางท่านก็นิยมเขียนชื่อเรื่องวิจัยสั้น ๆ โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดลงไป เช่น บุคลิกภาพของนักศึกษาครู เป็นต้น
         สรุป
          ผู้วิจัยจะต้องตั้งชื่อโครงการวิจัยให้ตรงประเด็นมากที่สุดและไม่ควรตั้งชื่อโครงการวิจัยซ้ำกับโครงการวิจัยของผู้อื่นที่มีการทำไปแล้ว ก่อนเขียนชื่อโครงการ เราต้องตั้งคำถามวิจัยให้ชัด  มีคำถามวิจัยหลัก ก็คือเรื่องหลักที่เราอยากรู้ที่สุด เกิดจากความสงสัยของเรา คำถามวิจัยรอง คือส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการตอบคำถามหลักด้วย ชื่อเรื่องวิจัยนับเป็นจุดแรกที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน และทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในปัญหารวมทั้งวิธีการดำเนินการวิจัยของผู้วิจัยอีกด้วย ดังนั้นการตั้งชื่อเรื่องวิจัยจึงต้องเขียนให้ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่เขียนอย่างคลุมเครือ ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงต้องระมัดระวังในการตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้เหมาะสม
                  แหล่งอ้างอิง
                  ธัชพนธ์ โชคสุชาติ .[ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ :  http://www.bestwitted.com  เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนพ.ศ. 2555 เวลา  06 : 27 น.
                 จำนงค์.  [ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์  :   http://www.gotoknow.org/blogs/posts/115517 เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา  06 : 27 น.
                นิภา ศรีไพโรจน์. [ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ : http://www.watpon.com/Elearning/res19.htm เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 06 :27 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น